เอกภพ
เอกภพ
(Universe) หรือที่เรียกในภาษาทั่วไปว่า
จักรวาล หมายถึงทั้งหมดทุกสรรพสิ่ง นักดาราศาสตร์พยายามศึกษาว่า
เอกภพกว้างใหญ่เพียงใด มีกาแล็กซีอยู่จำนวนเท่าใด ปัจจุบันเราทราบว่า
กาแล็กซีไม่ได้กระจายตัวกันในเอกภพ หากแต่อยู่รวมกลุ่มเป็นกระจุกกระจุกกาแล็กซีทั้งหลายกำลังเคลื่อนที่ออกจากโลกในทุกทิศทาง
แสดงว่า เอกภพกำลังขายตัว นักดาราศาสตร์ศึกษาอัตราการขยายตัวของเอกภพโดยใช้กฏของฮับเบิลแล้วคำนวณย้อนกลับพบว่า
เอกภพมีอายุประมาณ 13,000 ล้านปี
ซึ่งอธิบายโดยใช้ทฤษฎีบิกแบง
สาระการเรียนรู้
|
สสารมืด
|
หากมองดูภาพถ่ายอวกาศจะเห็นว่า
จักรวาลเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและมีกระจุกกาแล็กซีอยู่เพียงประปราย
ทว่าความเป็นจริง มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้นักดาราศาสตร์เชื่อว่าต้องมี
สสารมืด (Dark Matter) ซึ่งยังไม่สามารถตรวจจับได้
อยู่มากมายในเอกภพ ถ้าอวกาศเป็นเพียงความเวิ้งว้างว่างเปล่า
กระจุกกาแล็กซีทั้งหลายก็คงไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้
จะต้องมีอะไรที่คอยประคับประคองให้กระจุกกาแล็กซีรักษารูปทรง
ไม่ให้แตกตัวไปจากกัน นักดาราศาสตร์เชื่อว่าภายในกระจุกกาแล็กซียังมีมวลอีก 10
เท่าที่เรามองไม่เห็น
ภาพที่
1 กาแล็กซี NGC
7664
ตัวกาแล็กซีเองก็เช่นกัน หากอวกาศว่างเปล่า ทำไมสสารทั้งหลายของกาแล็กซีจึงไม่ยุบรวมกัน หรือกระจายตัวไปในอวกาศเมื่อพิจารณาการหมุนรอบตัวเองของกาแล็กซีด้วยกฎของเคปเลอร์ข้อที่ 3 (p2/a3 = k) จะพบว่า หากมวลส่วนใหญ่ของกาแล็กซีอยู่ที่ศูนย์กลางแล้ว ความเร็วที่ปลายแขนของกาแล็กซีควรจะมีความเร็วในวงโคจรช้ากว่าบริเวณใกล้กับศูนย์กลางในทำนองเดียวกับการที่ดาวเคราะห์ชั้นนอกมีความเร็วในวงโคจรช้ากว่าดาวเคราะห์ชั้นในแต่ผลจากการวิเคราะห์ความเร็วในการการหมุนรอบตัวเองของกาแล็กซีกังหัน NGC 4378, NGC 3145, NGC 1620 และ NGC 7664 (ภาพที่ 1) ดังกราฟในภาพที่ 2 แสดงให้เห็นว่า ความเร็วในวงโคจรภายในแขนกังหันไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลจากศูนย์กลาง ไม่แตกต่างกันมากนัก แสดงให้เห็นว่ามีสสารมืดที่มองไม่เห็นโอบอุ้มแขนกังหันไว้
องค์ประกอบส่วนใหญ่ ของทั้งปวงใน
จักรวาล (Universe) คือ
พลังงานลึกลับ (Dark energy) 68% สสารมืด (Dark
matter) 27% และสสารสามัญ (Normal matter) 5%สำหรับสสารมืด ประการแรก สสารมืดมีสีเข้ม มิได้อยู่ในรูปแบบดาวและดาวเคราะห์
ประการที่สอง สสารมืดมิใช่เมฆมืดดำในจักรวาล และประการที่สาม
สสารมืดมิใช่ปฎิสสารแต่เป็นมวลสสารที่ ไม่สามารถมองเห็นเพราะไม่สะท้อนแสงจึงมีแต่ความมืดสนิทมีอยู่ทั่วไปล้อมรอบกระจุกกาแล็คซี่
(Galaxy clusters) ซึงอยู่ลึกเข้าไปในจักรวาล (Universe)
ด้วยความหนาแน่นสูงสสารมืด เกิดขึ้นมาพร้อมๆกับกระจุกกาแล็คซี่ (Galaxy
cluster)ที่มีจำนวนมากหรือเกิดจากการหมุนวงโคจรของกระจุกดาวแล้วเกิดแรงโน้มถ่วง
แม้ว่าจะมีการสำรวจหลายวิธีการแต่ยังไม่เพียงพอ เรายังไม่เข้าใจและทราบถึงชนิดต่างๆของอนุภาคสสารมืดที่ฟุ้งกระจายอยู่ในจักรวาล
(Universe) ชัดเจนนักAbell 2744 (Pandora's
Cluster) เป็นกระจุกกาแล็คซี่ รวม 4 กระจุก
เกิดการชนปะทะกันมีโครงสร้างและอุณหภูมิสูงนับล้านองศาอย่างผิดปกติเป็นตัวอย่างการสำรวจพบมวลเข้มข้นของสสารมืดห่างจากโลกประมาณ
3.5 พันล้านปีแสง
กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลถ่ายภาพห้วงอวกาศลึกโดยการเปิดหน้ากล้องเป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมงเพื่อให้ได้ภาพกระจุกกาแล็กซี
Abell 2218 ซึ่งอยู่ห่างไกล 5,000 ล้านปีแสง
ดังในภาพที่ 3 ซึ่งมีกาแล็กซีสีเหลืองซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วไป
และกลุ่มกาแล็กซีสีน้ำเงินซึ่งเรียงตัวเป็นอาร์ควงกลม
ภาพที่ 4 เป็นภาพการแสดงมุมมองด้านข้างอธิบายให้เห็นว่า
กระจุกกาแล็กซีสีเหลืองที่อยู่ด้านหน้า
มีกาแล็กซีสีน้ำเงินอยู่ลึกเข้าไปข้างหลังเป็นระยะทาง 2 เท่าตัว
กาแล็กซีที่อยู่ด้านหลังมีสีน้ำเงินเพราะเป็นภาพย้อนอดีตขณะที่กาแล็กซียังมีอายุน้อย จึงมีอุณหภูมิสูงแผ่รังสีคลื่นสั้น (แสงสีน้ำเงิน)
ส่วนกระจุกกาแล็กซีสีเหลืองเป็นภาพใหม่กว่า (อยู่ใกล้โลกมากกว่า แสงจึงใช้เวลาเดินทางมาถึงโลกน้อยกว่า)
กาแล็กซีเย็นตัวลงแล้วจึงแผ่รังสีคลื่นยาวกว่า (แสงสีเหลือง)
สิ่งที่น่าสนใจในภาพนี้ก็คือ
ระหว่างกลุ่มกาแล็กซีทั้งสองจะต้องมีสสารมืดที่มีความโน้มถ่วงสูงมากดึงให้อวกาศโค้ง
ทำให้เรามองเห็นกาแล็กซีสีน้ำเงินที่อยู่ด้านหลังปรากฏตัวเป็นโค้งอาร์ควงกลม
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “เลนส์ความโน้มถ่วง”
(Gravitational Lensing) ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่า
สสารมืดมีอยู่จริง และภูมิอวกาศของจักรวาลมีความโค้ง แสงจึงเดินทางเป็นเส้นโค้ง
|
กฎของฮับเบิล
ทฤษฎีบิกแบง
ควรปรับแต่ง font ให้ตัวใหญ่+มองเห็นกว่านี้
ตอบลบ